Last updated: 18 พ.ค. 2561 | 681 จำนวนผู้เข้าชม |
สัญญาณเตือนเข้าข่ายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม
1. อาการปวดศีรษะเรื้อรัง
สำหรับคนทำงานแล้วคงหนีไม่พ้นความเครียด การที่มีความเครียดสะสมทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ แต่คนส่วนใหญ่เมื่อมีอาการปวดศีรษะก็มักบรรเทาอาการด้วยการกินยาแก้ปวด ซึ่งก็อาจจะบรรเทาอาการได้ชั่วคราว และการกินยาแก้ปวดติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ก็จะส่งผลต่อการทำงานของตับและไตได้ แต่เมื่อไรก็ตามหากมีอาการปวดศีรษะเรื้อรังผิดปกติแล้วล่ะก็ ควรรีบไปพบแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อทำการรักษาให้ถูกวิธี
2. อาการปวดตึงที่คอ บ่า ไหล่ และร้าวลงแขน
อาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลายคนอาจเข้าใจผิดกันไปเองว่าเป็นอาการเล็กน้อย นอนพักหรือเปลี่ยนอิริยาบถก็จะหายไปเอง แต่ในทางกลับกันเมื่อใดก็ตามที่เรามีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อแล้วล่ะก็ นั่นแสดงว่าเค้ากำลังบอกเราเป็นนัยๆ ว่าร่างกายของเรามีปัญหา แม้ว่าในระยะแรก การนอนพักจะทำให้อาการเหล่านี้ลดลงได้ แต่ในความเป็นจริงเราไม่ต้องรอให้อาการถึงขั้นรุนแรง ก็สามารถทำกายภาพบำบัดได้ โดยอาการขั้นรุนแรงจะเริ่มมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ร้าวลงไปที่แขนจนยกแขนไม่ขึ้น เนื่องจากมีพังผืดมาเกาะที่บริเวณสะบักและหัวไหล่ และบางรายอาจมีอาการชาไปที่มือหรือนิ้วมือร่วมด้วย
3. อาการปวดหลังและปวดขา เป็นๆหายๆ
เป็นอีกหนึ่งอาการยอดฮิตของออฟฟิศซินโดรมที่ใครๆ ในวัยทำงานก็มักเป็นกัน เพราะต้องนั่ง ยืนนานๆ การยกของหนักเป็นประจำ หรือการออกกำลังกายหักโหมเกินไปล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดหลัง และปวดตึงที่ขาได้เช่นกัน บางรายปวดร้าวไปที่เข่าและข้อเท้า มีอาการเป็นๆหายๆ ถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดอาการปวดร้าว และอาการชาลงไปที่บริเวณเท้าและปลายนิ้วเท้าด้วย
4. ปวดเมื่อยเรื้อรังจนนอนไม่หลับ หรือทำงานไม่ได้
อาการรุนแรงขั้นสุดท้ายคือการปวดเมื่อยเรื้อรัง จนนอนไม่หลับ หรือทำงานไม่ได้ การที่เราเจ็บปวดจนถึงขั้นนอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท จนส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และการทำงาน ถือว่าเข้าขั้นรุนแรง และใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน โดยในระหว่างการรักษาคนไข้ต้องมีวินัยทำตามข้อปฏิบัติของนักกายภาพบำบัดอย่างเคร่งครัดด้วย เพราะฉะนั้นอย่ารอให้อาการหนักจึงค่อยมารักษา เพราะจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูง แถมยังเสียเวลาอีกด้วย
17 ม.ค. 2567